ชวนคุยก่อนเกม: ‘เรือใบ’ ส่งท้ายก่อนลุยสโมสรโลก, จบสัปดาห์ด้วย ‘แดงเดือด’
เข้าสู่โหมดของเกมลีกกันยาว ๆ อีกครั้ง หลังจากที่โปรแกรมรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลถ้วยยุโรปได้จบลงไปแล้ว และเหลือโปรแกรมอีกราว 4 เกมก่อนที่จะถึงช่วงปีใหม่ มาติดตามโปรแกรมของสัปดาห์นี้กันเลยครับ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีการเปลี่ยนแปลงจ่าฝูงกันอีกแล้ว หลังจากที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ คริสตัล พาเลซ มาได้ ก่อนที่ อาร์เซนอล จะพ่ายแพ้ให้กับทีมม้ามืดประจำฤดูกาล แอสตัน วิลล่า ทำให้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับสูงสุดบนตารางได้เป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้
เอาล่ะครับ มาเริ่มต้นกันที่คู่ที่น่าสนใจคู่แรกของสัปดาห์เลยล่ะกัน ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่พวกเขาจะต้องบินลัดฟ้าข้ามทวีปมาลงเล่นในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยที่จะเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม พบกับ คริสตัล พาเลซ
‘เรือใบสีฟ้า’ เพิ่งคืนฟอร์มกลับมาได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการบุกไปชนะ ลูตัน ทาวน์ มาได้ หลังจากที่ไม่ชนะใครในลีกมาถึง 4 เกมติดต่อกัน รวมถึงในช้วงเกมยุโรปกลางสัปดาห์ ก็ได้พักนักเตะตัวหลักราย แต่ก็ยังสามารถเอาชนะ เซอร์วาน่า ซเวซด้า มาได้
ส่วนทางฟากของ ‘ปราสาทเรือนแก้ว’ เองก็ไม่ชนะใครมาแล้วถึง 5 เกมในลีก โดยเป็นการแพ้ไปแล้วถึง 4 นัดด้วยกัน และทำให้พวกเขาร่วงมาอยู่ในอันดับที่ 15 ของตารางคะแนน
ดูเหมือนจะเป็นงานง่ายสำหรับ แมนฯ ซิตี้ แต่ก็มีสถิติที่บ่งชี้ว่า พาเลซ เล่นได้ดียามที่มาเยือนสนามแห่งนี้ โดยที่พวกเขาเคยบุกมาชนะ ซิตี้ ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้แล้วถึง 2 หน และเป็นรองเพียงแค่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคยทำได้ถึง 3 ครั้งเท่านั้น
ย้ายมากันที่คู่ของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จะต้องเปิดบ้านรับมือกับ ฟูแล่ม ที่ 2 เกมล่าสุดถล่มได้คู่แข่งรวมกันถึง 10 ประตูเลยทีเดียว
ถึงจะฟอร์มแรงแค่ไหน แต่ยามที่ ‘สาลิกาดง’ ได้ลงเล่นในบ้านนั้นแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย โดยที่ในฤดูกาลนี้ พวกเขาพ่ายแพ้ใน เซนต์ เจมส์ พาร์ก ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นการแพ้ให้กับ ‘หงส์แดง’ และยังเสียไปเพียง 4 ประตูในบ้าน ซึ่งน้อยที่สุดในลีกอีกด้วย
เรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับ เอ็ดดี้ ฮาว คืออาการบาดเจ็บของผู้เล่นนี่แหละครับ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาใช้ผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ 10 คนออกสตาร์ทเป็นตัวจริงถึง 5 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีกรอบกันบ้าง เนื่องจากพวกเขาต้องลงเล่นทั้งในลีกและในเกมยุโรป ก็ต้องมารอดูกันว่าสนามเหย้าของ ‘เดอะ แม็กพายส์’ จะยังคงขลังอยู่หรือไม่
ข้ามมากันที่เกมในวันอาทิตย์กันเลย โดยขอเริ่มกันที่เกมของ อาร์เซนอล ที่จะต้องพบกับ ไบรท์ตัน ซึ่งทั้ง 2 ทีมต่างก็ผ่านการลงเล่นในเกมยุโรปมาด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่เป็นคนละรายการกันเท่านั้น
‘ปืนใหญ่’ ยังคงไม่แพ้ใครที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เลยในฤดูกาลนี้ แต่ก็มีสะดุดเสมอในเกม ลอนดอน ดาร์บี้ ที่เจอ ฟูแล่ม และ ท็อตแน่ม ด้วยสกอร์ 2-2 เหมือนกัน โดยที่ในเกมลีกก่อนหน้านี้ ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เพิ่งบุกไปแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า จนทำให้พวกเขากระเด็นหลุดออกจากตำแหน่งจ่าฝูง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งขึ้นไปยึดเอาไว้ได้เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น
ทางด้านของ ‘นกนางนวล’ ฟอร์มก็ยังคงไม่เข้าที่เข้าทาง ซึ่ง 10 เกมหลังสุดในลีก พวกเขาเก็บชัยชนะมาได้เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น แต่ก็หนักไปทางเสมอ และยังทำให้พวกเขารั้งอยู่ในอันดับ 8 เกาะกลุ่มกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล ได้อย่างเหนียวแน่น
ก็มารอดูกันว่า ‘เดอะ กันเนอร์ส’ จะกลับขึ้นไปยึดอันดับ 1 ของลีกเป็นการชั่วคราวได้หรือไม่ ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะลงเตะในคู่ดึก
มาถึงเกมบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้อย่าง ‘แดงเดือด’ โดยที่ในเกมนี้จะเล่นกันที่ แอนฟิลด์ ซึ่งในฤดูกาลที่แล้ว แฟนบอลของ ‘ปีศาจแดง’ คงจะจดจำกันได้เป็นอย่างดี ด้วยการโดนยิงเละเทะขาดลอยไปด้วยสกอร์ 7-0
สถิติของ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลัง ๆ ยามที่ต้องลงเล่นในบ้านกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว โดยไม่แพ้มาแล้วถึง 7 เกม แบ่งเป็นชนะได้ถึง 4 และเสมออีก 3 ซึ่ง 2 เกมหลังสุด พวกเขายังยิงประตูรวมได้ถึง 11 ประตูและไม่เสียประตูเลยด้วย
แม้ว่า ‘เร้ด แมชชีน’ จะมีเวลาในการได้พักน้อยกว่า ‘เร้ด เดวิลส์’ จากในเกมยุโรป แต่พวกเขาก็ใช้ผู้เล่นตัวสำรองลงเล่นซะเป็นส่วนมาก เนื่องจากการที่ได้เข้ารอบไปก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งต่างจากทางด้านของ เอริก เทน ฮาก ที่ต้องเอาจริงในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นอกจากนี้พวกเขายังมีปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะคนสำคัญอีกเพียบ รวมถึงจะยังหมดสิทธิ์ใช้งานกัปตันทีมอย่าง บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่สะสมใบเหลืองครบ 5 ใบจากในเกมก่อน
บอกได้เลยว่าเป็นเกมที่ยากแน่นอนสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งแฟนบอล ‘ผีแดง’ เองก็คงหวังได้แต่ให้ทีมตัวเองไม่แพ้เละอย่างในซีซั่นที่แล้วก็พอ
พอแค่นี้สำหรับในแมตช์วีคที่ 17 ก็ใกล้เดินทางมาถึงครึ่งฤดูกาลกันแล้ว มารอดูกันต่อไปว่าเมื่อถึงวัน ‘บ็อกซิ่งเดย์’ ก็จะครบครึ่งฤดูกาลกันพอดี แล้วมาดูกันว่าใครกันที่จะเป็นจ่าฝูงของ พรีเมียร์ลีก ในเวลานั้น
เขียนโดย Uncle Bear
The Lite Team.